บทความที่ได้รับความนิยม

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ประวัติหลวงพ่อเงิน วดห้วยเขน แบบย่อๆนะครับ ท่านพระครูล้อม ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้น ได้ขี่ช้างไปหาหลวงพ่อเงิน ที่วัดบางคลาน เพื่อขอให้ท่านมาช่วยสร้างวัดโดยท่านไม่ลืมที่จะนำนกกระทาไปฝากหลวงพ่อเงินด้วย เพราะท่านทราบว่าหลวงพ่อเงินชอบนกกระทา พอไปถึง หลวงพ่อเงินเห็นหลวงพ่อล้อมนำนกกระทามาฝาก ท่านก็หัวเราะชอบใจ พร้อมกับชมหลวงพ่อล้อมว่าช่างรู้ใจท่าน หลวงพ่อเงินจึงรับปากว่าจะไปช่วยสร้างถาวรวัตถุให้วัดห้วยเขน ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2456 หลวงพ่อเงินจึงได้ขี่ช้างมายังวัดห้วยเขน ซึ่งหากดูในแผนที่ประเทศไทยแล้วตีเป็นเส้นตรงจากวัดบางคลานมายังวัดห้วยเขนจะเป็นระยะทางประมาณ 20 ก.ม. ท่านเจ้าอาวาสได้กรุณาชี้ให้ผมดูจุดที่หลวงพ่อเงินเมื่อขี่ช้างมาถึงวัดแล้วนำไปผูกที่ใต้ต้นโพธิ์ แต่ปัจจุบันต้นโพธิ์ต้นนั้นได้ล้มตายไปแล้ว ทางวัดได้ปลูกขึ้นใหม่ในจุดใกล้ ๆ กัน

เสียดายที่ผมไม่ได้นำกล้องติดตัวไปด้วย ท่านยังได้เล่าถึงวัตถุมงคลที่สร้างในยุคนั้นให้ฟังว่า มีทั้งรูปหล่อ จอบ เหรียญหล่อ ภาพถ่ายหลวงพ่อเงินขาวดำ พระที่สร้างด้วยเนื้อดินพิมพ์ต่าง ๆ เช่น พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ยืน พิมพ์พระสมเด็จ เป็นต้น โดยวัตถุมงคลทุกชิ้น หลวงพ่อเงินได้กำหนดราคาเท่า ๆ กันคือ 1 บาท โดยเฉพาะพระที่สร้างด้วยเนื้อดินมีความพิเศษที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้ กล่าวคือ พระชุดนี้หลวงพ่อเงินจะผสมผงและคนด้วยมือของท่านเองจนได้ที่แล้วจึงให้พระและเณรไปช่วยกันกดพิมพ์

หลวงพ่อเงินเคยแจกพระเนื้อดินให้เด็กในวัด ต่อมาเด็กคนนี้ถูกสุนัขกัดแต่ไม่เข้า ชาวบ้านจึงมาเล่าให้หลวงพ่อเงินฟัง หลวงพ่อฟังแล้วก็หัวเราะชอบใจ พระเนื้อดินชุดนี้ตอนหลังได้ถูกขโมยลักลอบขุดหลายครั้ง ทางวัดจึงเปิดใต้ฐานชุกชีเพื่อนำพระออกให้ประชาชนบูชา เคยมีคนอยากได้พระชุดนี้แต่เมื่อทราบว่าหมดไปแล้ว ก็เข้าไปในโบสถ์อธิษฐานแล้วเอามือไปรองใต้ฐานชุกชี ปรากฏว่ามีพระหล่นใส่มือมา 1 องค์ ท่านเจ้าอาวาสกล่าวว่าเมื่อดูจากหลักฐานการขอเขตวิสุงคามสีมาปรากฏว่ามีการขอและอนุญาตประมาณปี 2460 - 2461 แสดงว่าหลวงพ่อเงินมาที่วัดห้วยเขน ปี 2456 และอยู่จนกระทั่งสร้างวัดเสร็จ รวมระยะเวลาประมาณ 5 ปีเศษ


ต้องยอมรับว่าในบรรดารูปหล่อแล้ว สุดยอดที่ถือเป็นจักรพรรดิ์ต้องเป็นของหลวงพ่อเงิน ดังนั้นหากจะเทียบว่าวัตถุมงคลของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน คือวัดระฆังแห่งเมืองพิจิตร พระชุดของวัดห้วยเขนก็คือวัดบางขุนพรหมแห่งเมืองพิจิตรดี ๆ นี่เอง เพราะประวัติการสร้างคล้ายกับที่สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ไปช่วยสร้างวัดบางขุนพรหม อย่างไรอย่างนั้น

สำหรับรูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดห้วยเขนนั้น ปรากฎมีด้วยกัน 3 พิมพ์ครับ 1 พิมพ์ใหญ่ 2 พิมพ์กลาง 3 พิมพ์เล็ก ก้นอุ ปรากฎทั้งแบบฐานเตี้ย มีรอยแต่งตะไบข้าง และ ฐานสูง ไม่มีตะไบข้างครับ และยังมีพระพิมพ์เนื้อดิน อีกมากมายหลายพิมพ์เช่นพิมพ์พระเจ้า 5 พระองค์ พิมพ์สมเด็จ ข้างยันต อุ พิมพ์รูปหล่อลอยองค์ และพิมพ์พระปิดตา อีกหลายพิมพ์ครับ









ประวัติการจัดสร้าง หลวงพ่อเงิน ปี 2515 วัดวังจิก ครับ








พระรูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อเงิน บางคลาน ปี 15 ออกวัดวังจิก
รูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อเงิน บางคลาน ออกวัดวังจิก ปี 15 เป็นพระรูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อเงิน บรรจุกริ่ง ที่สร้างโดยวัดวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร
ลักษณะ พระรูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อเงิน ออกวัดวังจิก ปี 15 มีลักษณะคล้ายกับพระรูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ปี 15 ทุกอย่างยกเว้นใบหน้าของท่านจะแตกต่างกันนิดหน่อย
วัตถุประสงค์การจัดสร้างคือ สืบเนื่องมาจากในขณะนั้นวัดวังจิกกำลังดำเนินการจัดหาทุนทรัพย์ในการซ่อมแซมและปรับปรุงศาสนสถานต่างๆของวัดที่ได้เสื่อมโทรมลงพอดี ซึ่งวัดวังจิกนั้นเป็นวัดที่ค่อนข้างมีทุนทรัพย์น้อย การจัดพิธีปลุกเสกในแต่ละครั้งนั้นค่อนข้างจะเป็นการยาก เพราะต้องใช้ทุนทรัพย์ในการดำเนินการสูง การฝากพระร่วมพิธีปลุกเสกกับทางวัดบางคลานจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เนื่องจากพิธีการปลุกเสกของวัดบางคลานถือได้ว่าเป็นพิธีที่ดีและยิ่งใหญ่ อีกทั้งวัดบางคลานยังเป็นวัดของหลวงพ่อเงินโดยแท้ วัตถุมงคลที่ผ่านการปลุกเสกในพระอุโบสถวัดบางคลานเปรียบเสมือนได้ว่าเป็นการขออนุญาตจากหลวงพ่อเงินโดยตรง และเป็นการการันตีอีกอย่างหนึ่งว่า วัตถุมงคลที่ผ่านการปลุกเสกจากวัดบางคลานแล้วย่อมมีความเข้มขลังและมีความศักสิทธิ์

การตอกโค้ด พระรูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อเงิน บางคลาน ออกวัดวังจิก ปี 15 จะตอกโค้ดตัวอักษร ว.จ. ไว้ที่ด้านหลังองค์พระบริเวณใต้คออย่างชัดเจน ..
พิธีปลุกเสกใหญ่ 4 ครั้ง
ชนวนโลหะและการปลุกเสก
มวลสารหลักๆที่นำมาจัดสร้างเป็นวัตถุมงคลรุ่นนี้ คือ แผ่นทองเหลืองแผ่นทองแดงที่พระคณาจารย์ดังทั่วประเทศรวมพลังอธิษฐานจิตลงอักขระเลขยันต์และปลุกเสกมาเป็นอย่างดี หลังจากนั้นจึงนำมาหล่อหลอมเป็นแผ่นโลหะแต่ละชนิด

ปลุกเสกครั้งที่1 ปฐมฤกษ์ เป็นการปลุกเสกแผ่นโลหะซึ่งได้จากการหลอม โดยพระเกจิคณาจารย์ 74 รูปจากทั่วประเทศ ทำพิธีที่วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพฯ

หลังจากปลุกเสกเสร็จสิ้น ได้มอบแผ่นโลหะเหล่านั้นให้โรงงานนำไปจัดสร้างเป็นวัตถุมงคลชนิดต่างๆจนแล้วเสร็จ นำมาส่งมอบให้คณะกรรมการตรวจรับนับจำนวน

ปลุกเสกครั้งที่2 เมื่อได้รับมอบวัตถุมงคลชนิดต่างๆครบถ้วนแล้ว ได้จัดพิธีปลุกเสกขึ้นที่วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพฯ ในวันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2514 โดยพระคณาจารย์ดังทั่วประเทศ 127 รูป

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการปลุกเสกครั้งที่ 2 นี้แล้ว คณะกรรมการได้ขนวัตถุมงคลเดินทางไปยังวัดบางคลาน โดยทางรถไฟ

ปลุกเสกครั้งที่3 ซึ่งเป็นพิธีการปลุกเสกครั้งสุดท้าย ได้จัดพิธีขึ้น ณ วัดต้นกำเนิด คือวัดบางคลานในวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2515 โดยได้นิมนต์พระคณาจารย์จากทั่วประเทศมาบริกรรมปลุกเสกตามพิธีกรรมแบบโบราณ ตลอดทั้งคืนเริ่มตั้งแต่ 4 โมงเย็นไปจนถึง 6 โมงเช้าโดยได้แบ่งพระคณาจารย์เข้าปลุกเสกเป็นชุดๆละ16 รูป จำนวน 6 ชุด รวม 96 รูป ปลุกเสกชุดละ 2 ชั่วโมงสลับกันไปอย่างไม่มีหยุดพักมีทั้งนั่งปรก บริกรรมภาวนาสวดคาถามหาทิพย์มนต์ พระคาถาพุทธาภิเษกและพระคาถาภาณวาร เป็นต้น รุ่งเช้าวันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2515 เป็นการฉลองสมโภช ภายหลังจากนั้น จึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่สั่งจองวัตถุมงคลมารับได้

ในการพุทธาภิเษกที่วัดบางคลานในครั้งนี้ อุโบสถวัดบางคลานยังก่อสร้างไม่เสร็จหลังคายังไม่มี ได้เกิดปรากฏการณ์พระราหูอมพระจันทร์ หรือจันทรุปราคาและเกิดเหตุการณ์อีกหลายอย่างจนทำให้ หลวงพ่อเงิน ปี15 จำหน่ายจ่ายแจกหมดอย่างรวดเร็ว และราคาขยับขึ้นอยู่ตลอดเวลาจนบัดนี้
การปลุกเสกครั้งที่4 โดยสรุปแล้ว รูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อเงิน บางคลาน ออกวัดวังจิก ปี 15 ได้เข้าร่วมพิธีปลุกเสกเดียวกันกับ พระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ปี 15 จึงผ่านการปลุกเสกถึง 3 ครั้ง และหลังจากเข้าพิธีปลุกเสกที่วัดบางคลานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางวัดวังจิกได้นำเอาพระรูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อเงินนี้ ไปเข้าพิธีปลุกเสกเพิ่มเติมขึ้นที่วัดวังจิกในภายหลังอีก 1 ครั้ง รวมเป็นการปลุกเสกมากถึง 4 ครั้ง สำหรับ พระหลวงพ่อเงินปี 15 วัดวังจิกนั้น แยกใด้ เป็นพิมพ์หลักๆ ด้วยกัน 3 พิมพ์คือ 1 พิมพ์นิยม มือจุด 2 พิมพ์มือนับแบงค์ และ 3 พิมพ์ ขี้มูก ครับ มีด้วยกัน 2 เนื้อคือ 1 เนื้อทองเหลืองล้วน และ เนื้อทองเหลือง ชุบนิเกิ้ล ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

วัตถุมงคล และ ประวัติ หลวงปู่หมุน ฐิติสีโล วัดบ้านจาน ศรีสะเกษ




























ประวัติ หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน พระมหาเถราจารย์ 5 แผ่นดิน

หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล สกุลเดิม ศรีสงคราม เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 5 ปีชวด พ.ศ. 2437 ณ บ้านจาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ บิดาชื่อดี มารดาชื่ออั๊ว บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 14 ปี ครอบครัวได้นำไปฝากกับพระอาจารย์สีดา เจ้าอาวาสวัดบ้านจานผู้เป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านกัมมัฎฐานและมีวิชาอาคมที่ เก่งมาก กระทั่งปี พ.ศ. 2460 ทำการอุปสมบท โดยมีหลวงพ่อสีดา เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเพ็ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ฐิตสีโล" แปลว่าผู้มีศีลตั้งมั่น

หลังจากบวชแล้วได้จำพรรษาที่วัดบ้านจาน ศึกษาเล่าเรียนอักษรไทย อักษรขอม [b]ฝึกกัมมัฎฐานในหมวดสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน
จากพระอุปัชฌาย์ ครูบาอาจารย์ต่างๆ ในแถบนั้นเป็นเวลา 4 ปีเต็ม จากนั้นท่านมีความคิดว่าจะต้องแสวงหาครูบาอาจารย์อื่นๆ เพื่อศึกษาคันถธุระและวิปัสสนาธุระในชั้นที่สูงๆ ขึ้นไปอีก จึงออกธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ และร่ำเรียนวิชาอาคมกับพระเถระชื่อดังหลายรูปเกือบทั่วประเทศจนถึงประเทศลาว มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย

ตลอดชีวิตแห่งการครองเพศบรรพชิต อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ก็ได้อุทิศตน ปฏิบัติตนตามแนวทางแห่งคำสอนของพระศาสดาอันพึงจะกระทำ สมกับฉายานามอันได้รับเมื่อครั้งอุปสมทบคือ "ฐิตสีโล" แปลความว่า ผู้ตั้งมั่นในศีล 85 พรรษาแห่งการครองผ้ากาสาวพัตร ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยออกจาริกธุดงค์ ปฏิบัติบำเพ็ญเพียรทางจิตเพื่อวิมุติ คือ ความหลุดพ้นตลอดจนออกโปรดญาติโยมไปยังทิศานุทิศ ทั่วทุกภาคของประเทศตลอดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว เขมร พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย ในช่วงปัจฉิมวัย ตราบจนล่วงเข้าอายุ 80 ปี จึงได้หยุดจารึก กลับสู่มาตุภูมิ คือแดนแห่งบ้านเกิด คือวัดบ้านจานในปัจจุบัน และเป็นหลักชัยให้แก่ชาวบ้าน ต.บ้านจาน อันเปรียบเสมือน ลูก หลาน เหลน ของท่าน ไม่อาจจะพยากรณ์ได้ว่าพระเดชคุณ “ หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล” จะเป็นพระอริยะสงฆ์ผู้สามารถประหารกิเลส บรรลุสู่คุณธรรมชั้นสูงหรือไม่ แต่ ศิษยานุศิษย์ก็กราบไหว้และเคารพนับถือท่านด้วยความสนิทใจในปฏิปทาอาจาริ ยวัตรที่ท่านประพฤติ ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ

เมื่อเวลา 07:30 น. วันที่ 11 มี.ค. 2546 วงการสงฆ์และฆราวาส จ.ศรีสะเกษ ต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ โดย หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านจาน ต.จาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชรา รวมอายุ 109 ปี 87 พรรษา

ไม่เปียกฝน

เจ้าของโรงเลื่อยย่านวัฒนานครได้ประสบการณ์แปลกประหลาดเกี่ยวกับหลวงปู่คือ เมื่อช่วงกรกฏาคม 2542 เขาได้เข้าไปทำธุระยังประเทศลาว ขากลับได้อาศัยรถกระบะนั่งกลับในช่วงกลางคืน ระหว่างทางมีฝนตกฟ้าคะนองรุนแรง เขาได้นั่งอยู่ท้ายรถกระบะที่ไม่มีหลังคาคลุม ซึ่งนั่งรวมกับคนงานไทยประมาน 7-8 คน มีความกลัวมากจึงตั้งจิตอธิษฐานถึงหลวงปู่หมุนให้มาช่วยคุ้มครอง พอถึงที่หมายแถวกบินทร์บุรี ผลปรากฏว่าเจ้าของโรงเลื่อยผู้นั้นไม่เปียกฝนเลย ส่วนคนงานอื่นๆ ที่นั่งท้ายรถมาด้วยกันเปียกฝนทุกคน พอมีเวลาจึงเข้าไปกราบหลวงปู่ขอสร้างกุฏิถวาย เพราะช่วงนั้นท่านเพียงกลางกลดนอนในกระต๊อบเก่าๆ เท่านั้น

กล้องแตก

เมือประมานเดือนสิงหาคม 2542 มีชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่งมาเที่ยวที่วัด เพราะเห็นมีธรรมชาติสมบูรณ์ ผ่านมาเห็นหลวงปู่หมุน จึงถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก หลวงปู่ยกมือห้ามไม่ให้ถ่ายแล้วพูดว่า “ถ่ายบ่ได้กล้องซิแตก” ฝรั่งเหล่านั้นฟังไม่เข้าใจ จึงกดชัตเตอร์ถ่ายภาพออกไป ผลปรากฏว่ากล้องราคาแพงนั้นเกิดเลนส์ร้าวขึ้นมาทันที ทำให้ฝรั่งกลุ่มนั้นเกิดแปลกประหลาดใจ และเกิดความเลื่อมใสจึงเข้ามากราบหลวงปู่และถวายเงินสดประมานสามหมืนกว่าบาท ท่านรับเงินนั้นแล้วก็โยนเงินปึกนั้นคืนให้แล้วบอกว่า “ข้าบ่ได้มาหากิน เอาเงินของเอ็งคืนไป”

ผีมาฉีดยากุฏิสั่นสะเทือน

เมื่อกลางพรรษานี้หลวงปู่ได้ปลุกเสกลูกอมชานหมาก และมวลสารต่างๆ เพื่อจะนำมาสร้างพระรุ่นแรกของท่าน ในกลางดึกสงัดปรากฏว่ามีเสียงสุนัขเห่าหอนกันอย่างโหยหวนอย่างที่ไม่เคยเป็น มาก่อน พอรุ่งเช้าพระอธิการจ่อยได้เข้ากราบนมัสการถามเรื่องนี้ หลวงปู่ตอบแบบเป็นปริศนาธรรมว่า “นายผีเขามา พาพวกผีป่าต่างๆ มาฉีดยา” นายผีที่ว่านี้อาจจะเป็นเจ้าแห่งภูติผีคือท่านท้าวเวสสุวรรณก็เป็น ไปได้ ส่วนพวกผีป่าที่มาฉีดยานั้น ก็พากันมาขอส่วนบุญส่วนกุศล พอดึกสงัดคืนที่ 2 ปรากฏว่ามีเสียงกุฏิท่านสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหว พอรุ่งเช้าท่านบอกว่า “ครูบาอาจารย์มาช่วยกันปลุกเสกให้จนกุฏิสั่น” หลวงปู่จึงยกมือไหว้ครูบอกว่า “ขลังพอแล้ว เดี่ยวกุฏิจะพัง”

หนึ่งไม่มีสอง

คุณดารารัตน์ เจ้าของร้านสาวสวย ขายผลิตภัณฑ์พลาสติก ย่านสำเพ็ง ซึ่งเป็นคนที่ปฏิบัติธรรมจนได้มโนมยิทธิ จากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้กรุณาเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่น้องชายได้เหรียญและลูกอมชานหมากมาก็ได้ อธิษฐานขอชมบารมี ปรากฏว่าวัตถุมงคลนั้นมีพลังมากเกินกว่าที่สัมผัสได้ เสมือนตัวเองยืนอยู่บนพื้นดินแล้วแหงนหน้าดูดวงอาทิตย์ฉันนั้น พอตกกลางคืนก็ฝันเห็นพระสูงอายุมายืนบนหัวนอนแล้วยืนชูนิ้วชี้ขึ้นมาพูดว่า “หนึ่งไม่มีสอง”

หลวงตามหาบัว บอกให้ไปหา

ช่วงที่พระอาจารย์ตั้ว ศิษย์เอกหลวงพ่อกวยตระเวนหาพระอาจารย์ที่เก่งๆ ได้เข้าไปกราบหลวงตามหาบัว และขอของดีจากท่าน ปรากฏว่าท่านบอกว่าไม่มี ถ้าชอบในวัตถุมงคลอิทธิปาฏิหาริย์ให้ไปหาหลวงตาหมุนโน่น ซึ่งกว่าพระอาจารย์ตั้วจะค้นหาหลวงปู่หมุนได้เป็นเวลาถึง 15 ปี กว่าจะได้เจอ โดยคำบอกเล่าของพระอาจารย์มงคล วัดสุทัศน์ จึงได้เดินทางไปกราบนมัสการด้วยกัน

คุ้นเคยกับพระคณาจารย์ยุคเก่า

ในช่วงหนึ่งพระคุณเจ้าทั้งสองได้เรียนถามหลวงปู่ว่า “รู้จักหลวงพ่อกวยไหม” ท่านตอบว่ารู้จักซิ องค์นี้เก่ง เคยพบกันในป่า ซึ่งคำตอบนี้ยังความปลื้มปีติแก่พระอาจารย์ตั้วเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านั้นหลวงพ่อกวยสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ได้บอกกับพระอาจารย์ตั้วว่า “มีพระที่เก่งมากอยู่รูปหนึ่งอยู่ในป่าแถบขอนแก่น ท่านสำเร็จแล้ว ต้องไปหาท่านให้พบ ชื่อหลวงพ่อหมุน” ซึ่งเป็นคำบอกเล่าของหลวงพ่อกวยโดยตรง

หลวงพ่อเงิน วัดท้ายน้ำ รุ่นช้างคู่ ปี 2526







หลวงพ่อเงิน บางคลาน รุ่นช้างคู่ พิมพ์ใหญ่ วัดท้ายน้ำ ปี 2526 ตามประวัติ สร้างตามแบบพิมพ์หลวงพ่อเงิน องค์แชมป์ของ กำนันวิรัตน์ (เสี่ยฮะ) คนดัง จ.พิจิตร ล้อพิมพ์รุ่นแรก ทำให้รุ่นช้างคู่ ทรงพิมพ์เหมือนของเก่าเกือบหมด ยกเว้นบางจุด พิธีการสร้างพระ สร้างแบบตำรับโบราณ ดูฤกษ์ยามต่างๆ จัดเททอง และพิธีหล่อพระโดย พราหมณ์ นุ่งขาว ถือศีลเป็นเดือนๆ ก่อนจะเข้าร่วมพิธีเททองเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่อง คณาจารย์ที่เข้าร่วมล้วนเป็นพระเกจิที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น และปลุกเสกกันอย่างเข้มขลัง โดยอาศัยรูปหล่อบูชาองค์เก่าของหลวงพ่อเงิน นำออกมากลางลานพิธี และได้เชิญดวงวิญญาณของหลวงพ่อเงินมา รับรู้การเทหล่อพระชุดนี้ เสมือนหลวงพ่อเงินมาปลุกเสกเอง มวลสารใช้โลหะเก่าแก่สมัยก่อน เช่น ระฆังเก่า ขันทองเหลืองเก่า เข็มขัด และเครื่องใช้ทองเหลืองโบราณรวมถึงสร้อยทองคำที่ได้รับจาก ผู้มีจิตศรัทธานำมาหลอมสร้างพระรุ่นช้างคู่ เนื้อหาพระถึงมีความเก่าคร่ำคล้ายของเดิม กระแสเนื้อจะเข้ม ผิวจะออกเป็นสีทอง บางองค์ก็เขียวเหมือนพระเก่าเลย พระทุกองค์ จะคว้านเป็นรู เพื่อบรรจุผงปถมัง อิทธิเจ ตรีนิสิงเหฯ, ผงมหาราชและผงพุทธคุณร้อยแปด ที่สำคัญ ผงที่ผสมกับไม้โพธิ์ เสาตะลุงช้าง เป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์สมัยหลวงพ่อเงิน มีชีวิต ทุกเช้าจะล้างหน้าที่ต้นไม้นี้ และจะราดน้ำที่ท่านล้างหน้า ด้วยคาถามงคลก่อนจะรดลงพื้น ทำให้เหมือนกับได้รับการปลุกเสกจากหลวงพ่อทุกวัน ผงนี้จะบรรจุที่ใต้ฐานทุกองค์
พระรุ่นนี้ กำลังอยู่ในกระแสนิยมเป็นอย่างมากครับ เนื่องจากพิมพ์ทรงนั้นใกล้เคียงกับ รูปหล่อ พิมพ์นิยมของ ยุคแรก ของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานมากที่สุดครับ!!!!